คอสต้า เป็นตำนานแนวรับของปอร์โต้ และเคยนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อปี 2004 รวมถึงคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ และแชมป์ลีกโปรตุเกสอีก 8 สมัย ตลอดการลงเล่นให้ทีม 324 นัด พร้อมติดทีมชาติโปรตุเกส 50 นัด ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2006

หลังเลิกเล่น คอสต้า ผันตัวเป็นกุนซือและผ่านงานคุมทีมถึง 16 สโมสร ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลอาชีพของปอร์โต้ในฤดูกาลล่าสุด

"ตลอดชีวิตของเขาทั้งในและนอกสนาม จอร์จ คอสต้า เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งปอร์โต้ ความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ ความหลงใหล และจิตวิญญาณแห่งชัยชนะที่ไม่เคยยอมแพ้ เขาทิ้งร่องรอยไว้ให้กับแฟนบอลหลายยุคสมัย" สโมสรปอร์โต้ออกแถลงการณ์

การเสียชีวิตของคอสต้า นับเป็นการสูญเสียครั้งที่ 3 ของอดีตผู้เล่นปอร์โต้ในช่วงซัมเมอร์นี้ ต่อจากการจากไปของ ดิโอโก้ โชต้า และอันเดร ซิลวา ที่เสียชีวิตในเดือนกรกฎาคม

โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่เฟเนร์บาห์เช่ ซึ่งเคยร่วมงานกับคอสต้าช่วงปี 2002-2004 กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ถ้าเขาพูดกับผมได้ตอนนี้ เขาคงบอกว่า ‘ทำงานของคุณต่อไป มิสเตอร์ พรุ่งนี้ลงเล่นแล้วคว้าชัยชนะให้ได้ อย่าสนใจผม’ ผมจะพยายามทำหน้าที่วันนี้และพรุ่งนี้ให้ดีที่สุด แล้วจะร้องไห้ทีหลัง"

เดโก้ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ร่วมคว้าแชมป์ยุโรปกับปอร์โต้ โพสต์ไว้อาลัยว่า "วันนี้ฟุตบอลโปรตุเกสและปอร์โต้ สูญเสียหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จอร์จ คอสต้า คือตำนานกัปตันทีมที่เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกคน ชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้ตลอดกาล"

เปเป้ อดีตกองหลังปอร์โต้ ก็ร่วมแสดงความอาลัยเช่นกัน โดยกล่าวว่า "ความทุ่มเทและมรดกของคุณจะถูกจดจำในประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเอฟซี ปอร์โต้ตลอดไป"

คอสต้า เคยได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งโปรตุเกส (Portuguese Golden Ball) ในปี 2000 และเคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับชาร์ลตัน แอธเลติก ในฤดูกาล 2001-02 โดยลงเล่น 26 นัดในสัญญายืมตัว

อแลน เคอร์บิชลีย์ อดีตกุนซือชาร์ลตันกล่าวถึงอดีตลูกทีมว่า "เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม พูดตรงไปตรงมา ทุกคนให้ความเคารพเขาจากฝีเท้าและบุคลิกที่แข็งแกร่ง"

สโมสรบราก้า ซึ่งเป็นทีมแรกที่คอสต้าเริ่มต้นงานผู้จัดการทีม ก็ออกแถลงการณ์ไว้อาลัยว่า "การจากไปของเขาทำให้วงการกีฬาโปรตุเกสสั่นสะเทือน"